Saturday, January 18, 2014

ข้อคิดดีๆคนมีคู่ควรอ่านครับ

ข้อคิดดีๆคนมีคู่ควรอ่านครับ

January 17, 2014 at 2:03pm
วันนี้ได้ฟังเรื่องในวิทยุจากทางบ้านเห็นว่ามีข้อคิดดีๆเยอะเลยอยากแชร์(จำได้ไม่ละเอียดนัก)
คนเราถ้าเติมเต็มความสุขให้กับตัวเอง
มีอิสระทางใจให้กับตัวเอง ต่อให้อยู่กับใครก็มีความสุข
แต่คนที่ไม่สามารถเติมเต็มให้กับตัวเองได้ด้วยตัวเอง
รอแต่ผู้อื่นมาเติมให้ต่อให้คนเข้ามาเติมมากเท่าไรอยู่กับใครก็ไม่มีความสุข

นี่คือบทสรุปโดยรวมของเรื่องนี้
เนื้อเรื่องมีประมาณว่า
ผู้หญิง(เจ้าของสายโทรศัพท์) แต่งงานอยู่กินกับสามีชาวต่างชาติ(อยู่NY)
อยู่กันมานานหลายปี หลังๆมีทะเลาะกันเรื่องเล็กๆน้อยๆยิบๆย่อยๆแต่.."ทุกวัน"
จนผู้หญิงเริ่มรูัสึกว่าหรือนี้จะเรียกว่าจุดอิ่มตัวของ"ชีวิตคู่"
จึงตัดสินใจนั่งคุยกับสามีอย่างเปิดอก คุยกันยังไง จะกี่ทีก็ยังคงมีเรื่องให้ถกเถียงกันทุกวันเหมือนเคย
สิ่งที่ทั้งสองคนนี้สรุปได้คือยังคงรักกัน รักมาก ไม่มีความอยากที่จะ"เลิกกัน"
แต่จะให้ทำยังไงดีละในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วกลับ"ไม่มีความสุข"
หรือจริงๆแล้วต่อให้ไม่มีสามี และเราอยู่ตัวคนเดียวเราเองก็ไม่สุขเช่นกัน
ประเด็นนี้ทำให้เขาสองคนจูงมือเข้าไปพบจิตแพทย์
ที่บางประเทศให้ความสำคัญเพราะคือจุดบอดของปันหาครอบครัว
ไม่แน่ใจเมืองไทยมีไหมหรือถ้ามีก็จะคิดที่ปรึกษาทางด้านนี้ในด้าน negative ไปซะก่อน
หลังจากเข้าไปปรึกษาแล้วปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เพียงแค่เขาสองคน"เติมความสุขให้กับตัวเอง" มีช่องว่างให้แก่กัน
ไม่มองแต่ตัวเองในกระจกและไม่มองสามีดัวยสายตาตัวเอง
แต่ให้กัาวออกมาแล้วมองให้เหมือนเป็นคนนอกมองชีวิตคู่ให้เป็นคนสองคน
ว่าจริงๆแล้วก่อนหน้านี้เราเป็นเราเพราะเรามีวิถีทางเดินของเรา
แต่หลังแต่งงานสามีคือคู่ชีวิตที่เรียกว่าตัวเสริมแต่ไม่ควรเอาเขามาเป็นสิ่งที่เติมเต็ม
ไม่เอาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นที่ตั้ง
"ความเห็นแก่ตัว" จะหายไป
"ความเคารพซึ่งกันและกัน" จะเข้ามาแทน
บางครั้งเราก็มโนไปเองว่ามันทุกข์มันทรมานเพราะเขา
แต่เอ๊ะ!! หรือเพราะเราที่เติมความสุขให้กับตัวเองไม่ได้กันแน่....
ทุกวันนี้เขาทั้งคู่ก็อยู่ช่วงเวลาแห่งการปรับตัว
เพราะความรูัสึกที่มีต่อกันยังรู้สึกรักและผูกพัน
สามีทำกิจกรรมอย่างที่ใจอยากจะทำโดยไม่ต้องฝืน
ไปปั่นจักรยานและตกปลากับเพื่อนๆจากที่เมื่อก่อนรีบโทรหาแต่ภรรยาและกลับมาบ้านกินข้าวเย็นทุกวัน
(มันจำเป็นต้องเป็นแบบนั้นทุกวันในชีวิตคู่หรอ?ผมว่าไม่นะ)
ภรรยาไปทำเล็บทำผมและนั่งเม้ามอยกับเพื่อนสาวอาทิตย์ละสองครั้งหลังเลิกงาน
(ผมว่าเขาก็มีความสุขในสังคมส่วนหนึ่งของเขาแล้ว)
ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครได้ใครเสียอย่างไม่เท่าเทียมแต่มัน win win ทั้งคุ่ต่างหากนะ
ถ้าหากทุกคู่ชีวิตคิดได้แบบนี้
ถ้าหากเมืองไทยเปิดกว้างและให้ความสำคัญกับจิตแพทย์ที่ปรึกษาชีวิตคู่บ้าง
เชื่อว่าปันหาเปลี่ยนแฟนเดือนละหนหรือเลิกกันหลังแต่งคงน้อยลงไปแน่
เพราะทุกวันนี้คนคบกันระยะสั้นเยอะนะเพราะสื่อสารง่ายต่ดต่อกันง่ายตัวเลือกเยอะ
แต่งกันไปไม่ได้ประกันอายุชีวิตคู่เลย
เบื่อกันนิดๆหน่อยๆก็หาคนคุย หาสิ่งเติมเต็มจากคนอื่นไม่ใช่จากตัวเอง
สำหรับผมมันเรียกว่า "ช่องโหว่" ในหัวใจนะ
คนสมัยก่อนรุ่นปู่ย่าผมเห็นต่อให้เขาหมดรักกันเขาก็ยังคบกันคนแก่เฒ่าได้เพราะอะไร...
เพราะเขาทั้งคู่ไม่ได้เปิดช่องโหว่ในใจ ไม่ได้งอนกันและเปิดApp Chat หาคนคุยเล่น
เพราะท้ายที่สุดความผูกพันมันคู่กับระยะเวลา ส่วนความรักนั้นมันคู่กับความรู้สึก
และความรู้สึกคนเราย้ำเลยว่า"ทุกคน"มันขึ้นๆลงๆหมดแหละ
เดี๋ยวแม่งวันนึงก็รู้สึกรักอีกวันก็รู้สึกรำคาน
แต่สุดท้ายก็วนกลับมารู้สึกรักใหม่และอะไรละคือตัวกำหนดเวลาให้คบกันยาวนานได้ในปู่กับย่า
มันก็คือความผูกพันนั้นแหละ..

สุดท้ายขอฝากอะไรไว้หน่อย
ไม่มีใคาเกิดมาเพื่ออยู่คนเดียวบนโลกเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ไม่ได้แปลว่ามันจะอยู่คนเดียวไม่ได้... แต่เพราะทุกอย่างถูกกำหนดมาเพื่อคู่กันอยู่แล้วเพื่อช่วยเหลือกันและอยู่ข้างกัน
ตาเรามี2ข้าง
แขนก็มี2
ขายังมี2
แต่ใจมี1เพราะมันเอาไว้แลกความรู้สึกของกันและกัน

เรื่องราวชีวิตสองคนนี้ให้เครดิตกับ 107 MET Fm
ส่วนบทสรุปเขียนเอาเอง_"_ By Nicky

นานๆทีผมจะได้เข้ามาเขียนพอดีติดทำนั่นทำนี่มากมายครับ


Photo by damnboiz with Note3 no filter (Pano mode) at Cha Am Thailand

No comments:

Post a Comment